ลิเวอร์พูลพร้อมแซง! 3 สุดยอดสถิติไม่แพ้ในพรีเมียร์ลีกนานที่สุด

มันเท่ากับว่าพวกเขาไม่แพ้ในลีกมานับตั้งแต่เปิดฤดูกาล ซึ่งเอาจริงๆ คือลากมาตั้งแต่ซีซั่นที่แล้วด้วย และปัจจุบัน พวกเขายังคงทำสถิติอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่นอกจากจะเป็นแชมป์ แล้วยังทำสถิติไม่แพ้ใครติดต่อกันนานที่สุดในประวัติศาสตร์อีกด้วย

นับตั้งแต่พ่ายให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมนัดแรกของปี 2019 มาจนถึงปัจจุบัน พวกเขา ไม่แพ้ใครมาแล้ว 39 เกมติดต่อกันในลีก รั้งอันดับที่ 3 ของสถิติอยู่ในตอนนี้ และมีทีท่าว่าจะไปเรื่อยๆ เพื่อไต่ให้ถึงอันดับที่ 1 ซึ่งอยู่อีกไม่ไกล

ฉะนั้นจะพาไปดูว่าอันดับ 4 ในปัจจุบัน รวมถึงอันดับ 2 และ 1 เป็นใคร และทัพ “หงส์แดง” ขาดอีกกี่เกม ถึงจะขึ้นไปอยู่อันดับที่ 1 ได้

4.อาร์เซน่อล (2001-02) – 30 นัด

ในปี 2002 อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล กำลังทำผลงานได้อย่างสุดยอดเลยนะครับ พวกเขาไม่แพ้ให้กับใครเลย นับตั้งแต่พ่ายคาบ้านให้ นิวคาสเซิ่ล 1-3 ในช่วงเดือนธันวาคม เป็นเวลาถึง 21 เกมเลยทีเดียว สุดท้ายก็คว้าแชมป์ลีกไปครองอีกด้วย

ซีซั่นต่อมา “ปืนใหญ่” ก็ยังคงออกสตาร์ทได้อย่างดี เก็บชัยชนะไปถึง 7 จาก 9 เกม แต่พอถึงแมตช์ที่ 10 ของฤดูกาลเท่านั้นล่ะ พวกเขาบุกไปแพ้ให้กับ เอฟเวอร์ตัน 1-2 ด้วยประตูชัยจาก เวย์น รูนี่ย์ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้สถิติที่เกิดขึ้นหยุดลงที่ 30 นัดเท่านั้น

2.เชลซี (2004-05) – 40 นัด

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 นั่นเป็นฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ เชลซี แล้วก็ว่าได้ พวกเขาจบซีซั่นด้วยการเป็นแชมป์ ผลงานชนะ 29 เสมอ 8 แพ้เพียงเกมเดียว เก็บไปถึง 95 คะแนน

และอย่างที่บอกว่า โชเซ่ มูรินโญ่ พาทีมแพ้เพียงเกมเดียว โดยเป็นการพ่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-1 ตั้งแต่เกมที่ 9 ของฤดูกาล หลังจากนั้น พวกเขาไม่แพ้ใครอีกเลย เป็นจำนวน 29 เกมด้วยกัน สุดท้ายก็จบด้วยการเป็นแชมป์

หลังจากนั้น ในฤดูกาลต่อมา พวกเขาก็เก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายก็โดนหยุดในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ในสัปดาห์ที่ 12 ของฤดูกาล ประตูชัยของ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ส่งให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะไป 1-0 หยุดสถิติของ เชลซี ไว้ที่ 40 เกม

เท่ากับว่าหาก ลิเวอร์พูล ยังไม่แพ้ใครอีก 2 นัด พวกเขาจะขึ้นไปเป็นสถิติอันดับ 2 ของฟุตบอลลีก ที่จำนวน 41 นัดทันที

1.อาร์เซน่อล (2003-04) – 49 นัด

การได้ 30 เกมของ อาร์แซน เวนเกอร์ มันก็เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมแล้ว แต่ในอีก 2 ปีถัดมา พวกเขาก็ทำลายสถิติตัวเองในตอนนั้น และยังคงกลายเป็นสถิติที่มากที่สุดในปัจจุบัน

ในฤดูกาล 2002-03 พวกเขาเก็บชัยชนะได้ 2 เกมสุดท้ายของซีซั่น แม้มันจะไม่เพียงพอให้พวกเขาคว้าแชมป์ลีกได้ พวกเขาถูก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำแต้มมากกว่าอยู่ 5 คะแนน ส่งให้พวกเขาเป็นได้แค่รองแชมป์เท่านั้น แต่ใครจะรู้ว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของสถิติดังกล่าว

ฤดูกาลไร้พ่าย ปี 2003-04 เราคงไม่ต้องพูดถึงว่า 38 นัด พวกเขาไม่แพ้ใคร ชนะ 26 เสมอ 12 นัด บวกกับการชนะในปีก่อนอีก 2 เท่ากับพวกเขาทำลายสถิติตัวเองไปแล้วที่จำนวน 40 เกม (ตอนนั้นยังไม่มีสถิติของ เชลซี)

และยังไม่หยุดแค่นั้น เวนเกอร์ ยังพาทีมเก็บชัยชนะได้ต่อเนื่องไปอีก 5 เกม ไปสะดุดเสมอให้กับ โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส 2-2 ก่อนจะเก็บชัยได้อีก 3 นัด และก็เข้าสู่สัปดาห์ที่ 10 ของฤดูกาล 2004-05

มันคือการพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างที่เราทราบกันว่าก่อนที่ทั้งคู่จะเจอกัน ในซีซั่นไร้พ่าย มันเกิดเหตุการณ์ที่ถูกพูดถึงกันอย่างมาก ในแมตช์ที่เสมอกัน 0-0 ซึ่งวันนั้น รุด ฟาน นิสเตลรอย ยิงจุดโทษไม่เข้า มาร์ติน คีโอว์น กระโดดมาดีใจต่อหน้าแข้งชาวดัชต์ ซึ่งในเกมนั้นแหละที่เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญให้พวกเขาทำสถิติไร้พ่ายได้สำเร็จ

จนมาในหนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ยอมอีกแล้วครับ พวกเขาสามารถเอาชนะ อาร์เซน่อล ได้ 2-0 จากจุดโทษ (อีกครั้ง) ของ นิสเตลรอย นาทีที่ 73 และ เวย์น รูนี่ย์ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้สถิติของ “ปืนใหญ่” ต้องหยุดลงที่ 49 เกมเท่านั้น

เท่ากับว่า หากทัพ “หงส์แดง” จะทำลายสถิติของ อาร์เซน่อล ให้ได้ พวกเขาจะต้องเก็บชัยชนะ หรือไม่แพ้ใครไปอีก 11 เกม ซึ่งในซีซั่นนี้ พวกเขาเล่นมาแล้ว 22 นัด เท่ากับว่า สถิติจะถูกทำลาย ถ้าพวกเขายังไม่แพ้ใครไปจนถึงนัดที่ 33 ของฤดูกาล

อย่างไรก็ตาม มันมีเรื่องน่าสนใจอยู่เหมือนกัน เพราะในเกมที่ 32 ของ “หงส์แดง” พวกเขาจะต้องพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงเวลานั้น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อาจจะยอมเรื่องการคว้าแชมป์ แต่เชื่อว่าเขาคงจะไม่ยอมให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำสถิตินั้นแน่

หาก ลิเวอร์พูล แพ้ให้กับ แมนฯ ซิตี้ สถิติจะหยุดลงที่ 48 เกม ซึ่งจะไม่สามารถแซง อาร์เซน่อล ได้ แต่ถ้าชนะ หรือไม่แพ้ ซิตี้ ได้สำเร็จ โอกาสทุบสถิติใหม่จะง่ายทันที เพราะนัดที่ 33 พวกเขาจะดวลกับ แอสตัน วิลล่า โอกาสที่จะแพ้ เป็นไปได้ยากกว่า ฉะนั้น ต้องจับตาดูนะครับ ในเดือนเมษายน ลิเวอร์พูล จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ได้หรือไม่

x